ประวัติ ถิ่นฐานดั้งเดิม และการแพร่กระจายของข้าวฟ่าง
ประวัติความเป็นมาและถิ่นฐานดั้งเดิมของข้าวฟ่างเป็นเรื่องที่ไม่ทราบกันแน่ชัด แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบพอจะสันนิษฐานได้ว่า ข้าวฟ่างน่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปมนุษย์คงจะรู้จักข้าวฟ่างมาไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ ปี เพราะมีรายงานจากหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีผู้นำข้าวฟ่างจากภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกาไปปลูกในอินเดียเมื่อประมาณ ๑,๗๒๕ ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ แต่แหล่งกำเนิดและจุดวิวัฒนาการของข้าวฟ่างจากพันธุ์ป่าดั้งเดิมมาเป็นพันธุ์เพาะปลูกนั้น สันนิษฐานว่าคงจะเริ่มมาจากแถบประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งในแถบนั้นมีพืชจำพวกข้าวฟ่างกระจายตัวอยู่อย่างมากมายหลายชนิด ชาวเอธิโอเปียรู้จักข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์มาตั้งแต่ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ได้เพาะปลูกพืชทั้ง ๒ ชนิดนี้เพื่อใช้เป็นอาหารเรื่อยมา ขณะเดียวกันก็คงพัฒนาและคัดเลือกข้าวฟ่างซึ่งเป็นพันธุ์ป่าดั้งเดิมอยู่บริเวณนั้นให้เป็นพันธุ์สำหรับเพาะปลูก จนได้พันธุ์เพาะปลูก ซึ่งใช้ปลูกกันแพร่หลายต่อๆ มา แล้วแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ในทุกภาคของทวีปแอฟริกาตามการอพยพของชนพื้นเมือง
การแพร่กระจายของข้าวฟ่างจากถิ่นเดิมในทวีปแอฟริกาไปยังส่วนต่างๆ ของโลกนั้นเข้าใจว่าเกิดจากชาวเรือที่เดินทางระหว่างทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นผู้นำไปมีหลักฐานแสดงว่าข้าวฟ่างแพร่ไปยังอินเดียและยุโรปในราวๆ ต้นคริสต์ศตวรรษ แล้วแพร่ขยายต่อไปยังทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย สันนิษฐานว่าข้าวฟ่างแพร่ไปถึงประเทศจีนประมาณคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานหรือรายงานเกี่ยวกับข้าวฟ่างในประเทศจีนเลยถึงแม้จะมีผู้กล่าวว่าข้าวฟ่างไปถึงประเทศจีนก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม ข้าวฟ่างที่แพร่กระจายไปยังประเทศจีนอาจจะไปจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออินเดียก็ได้ ข้าวฟ่างเหล่านี้ในเวลา ต่อมาได้พัฒนากลายมาเป็นข้าวฟ่างเกาเหลียงชนิดต่างๆ ของจีน แมนจูเรีย และญี่ปุ่น
ข้าวฟ่างถูกนำจากแอฟริกาไปยุโรปมากขึ้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ และ ๑๘ โดยพวกแอฟริกันที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นทาสนำติดตัวไป แม้จะมีการปลูกกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่พันธุ์ที่นำเข้าไปในระยะนั้น เป็นพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญนัก
การแพร่กระจายของข้าวฟ่างเข้าไปสู่สหรัฐอเมริกา เริ่มระหว่าง พ.ศ. ๒๓๙๖-๒๔๐๐ โดยมีผู้นำข้าวฟ่างหวานจากฝรั่งเศสและแอฟริกาใต้เข้าไปปลูกเพื่อทำน้ำตาลและเป็นพืชอาหารสัตว์ ซึ่งข้าวฟ่างบางพันธุ์ที่นำเข้าไปในช่วงเวลานั้น ได้กลายมาเป็นข้าวฟ่างหวานที่นิยมปลูกกันในสมัยแรกๆ สำหรับการปลูกข้าวฟ่างเมล็ดในสหรัฐอเมริกานั้น เริ่มมีขึ้นหลังจากที่มีการนำเอาข้าวฟ่างพันธุ์ดูร์รา (durra) จากอียิปต์ พันธุ์คาเฟอร์ (kafir) จากแอฟริกาใต้ พันธุ์ไมโล (milo) จากโคลัมเบีย และพันธุ์แชลลู (shallu) จากอินเดียเข้าไปทดลองปลูกใน พ.ศ. ๒๔๑๗, ๒๔๑๙, ๒๔๒๒ และ ๒๔๓๓ ตามลำดับ จากนั้นได้มีการนำเอาพันธุ์ข้าวฟ่างที่สำคัญอื่นๆ จาก แอฟริกาใต้ อียิปต์ และซูดาน เข้าไปทดลองปลูกอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง คือ ในระหว่างพ.ศ. ๒๔๔๘-๒๔๕๑ พันธุ์ที่นำเข้าไปในช่วงนั้น มีทั้งข้าวฟ่างพันธุ์เฮการี คาเฟอร์ และเฟเทอริทา (feterita) อยู่ด้วย พันธุ์เหล่านี้ต่อมาได้พัฒนาเป็นข้าวฟ่างเมล็ดที่ปลูกกันอยู่ในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน นอกจากนี้ ใน พ.ศ. ๒๔๓๓ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ยังได้นำข้าวฟ่างพวกหญ้าซูดาน ซึ่งเป็นพืชอาหารสัตว์ที่สำคัญของสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้จากประเทศซูดานเข้าไปปลูกอีกด้วย ส่วนข้าวฟ่างไม้กวาดซึ่งเกิดจากการคัดเลือกพันธุ์ให้ได้พันธุ์ที่มีก้านช่อดอกยาว และแข็ง ปลูกกันมากในยุโรป ในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ นั้น เบนจามินแฟรงคลิน (Benjamin Franklin) นักวิทยาศาสตร์ลือนามชาวอเมริกัน ได้เป็นผู้นำเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าข้าวฟ่างจะแพร่ไปถึงอาร์เจนตินาปารากวัย และออสเตรเลีย ในระยะแรกที่มีการตั้งถิ่นฐานกันนั้น การปลูกข้าวฟ่างในประเทศเหล่านั้นก็เพิ่งจะมีความสำคัญในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ นี้ เมื่อได้มีการนำเอาข้าวฟ่างพันธุ์ใหม่ๆ จากสหรัฐอเมริกาเข้าไปปลูก
ข้าวฟ่างเมล็ดที่ปลูกกันอยู่ในปัจจุบันนี้ประกอบไปด้วย ข้าวฟ่างพันธุ์ดั้งเดิมหลายพันธุ์และพันธุ์ใหม่ๆ ที่ได้จากการผสมพันธุ์ขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้รวมไปถึงพวกข้าวฟ่างหวานด้วย
แหล่งปลูกข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างสามารถขึ้นได้ทั่วไปในทุกทวีปในบริเวณที่อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนสูงกว่า ๒๐ องศาเซลเซียส สามารถปลูกได้ตั้งแต่พื้นที่ที่อยู่ในระดับน้ำทะเลจนกระทั่งถึง ๑,๕๐๐ เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ข้าวฟ่างขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวฟ่างให้ได้ผลิตผลสูง คือดินที่มีลักษณะเป็นดินร่วนเหนียวหน้าดินลึก การระบายน้ำดี และมีความอุดมสมบูรณ์มาก ลักษณะความเป็นกรด-เบสของดินไม่ค่อยจะกระทบกระเทือนต่อการเจริญเติบโตของข้าวฟ่างเท่าใดนัก ข้าวฟ่างขึ้นได้ดีในดินที่มีค่าความเป็นกรด-เบส ตั้งแต่ ๕.๕-๘.๗ และสามารถทนต่อความเป็นเกลือได้ดีกว่าข้าวโพด
ข้าวฟ่างเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนประมาณ ๔๐๐-๖๐๐ มิลลิเมตรต่อปี ใบและต้นข้าวฟ่างจะเหี่ยวและแห้งช้ากว่าข้าวโพด เนื่องจากมีสารคล้ายขี้ผึ้งเคลือบผิวใบและลำต้น ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียน้ำได้ นอกจากนี้ข้าวฟ่างยังมีระบบรากมากกว่าข้าวโพดจึงหาน้ำและอาหารได้ดีกว่า ทำให้ข้าวฟ่างทนแล้งได้ดีกว่าข้าวโพด
แหล่งผลิตข้าวฟ่างที่สำคัญของโลกได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกากลาง ซึ่งผลิตข้าวฟ่างได้ประมาณร้อยละ ๔๓ ของผลิตผลทั่วโลก ทวีปเอเชียผลิตได้เกือบร้อยละ ๒๖ ทวีปแอฟริกาผลิตได้ร้อยละ ๒๐ ประเทศลาตินอเมริกา และกลุ่มประเทศโอเชียเนีย ผลิตได้ประมาณร้อยละ ๘ และ ๖ ตามลำดับ ทวีปยุโรปผลิตได้น้อยที่สุด คือ ประมาณร้อยละ ๐.๖ ของผลิตผลทั่วโลก
พื้นที่เพาะปลูกข้าวฟ่างทั่วทั้งโลก ใน พ.ศ. ๒๕๓๐ มีประมาณ ๒๗๔ ล้านไร่ ผลิตข้าวฟ่างได้ประมาณ ๕๙ ล้านต้น ผลิตผลเฉลี่ยของข้าวฟ่างทั่วโลกประมาณ ๒๑๖ กิโลกรัมต่อไร่ ประเทศที่ผลิตข้าวฟ่างมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (๑๘.๘ ล้านตัน) รองลงไปคือ อินเดีย (๙.๔ ล้านตัน) สาธารณรัฐประชาชนจีน (๖.๑ ล้านตัน) เม็กซิโก (๔.๘ ล้านตัน) ไนจีเรีย (๔.๕ ล้านตัน) และยังมีประเทศที่ผลิตข้าวฟ่างได้มากรองลงไป ได้แก่ อาร์เจนตินา ซูดาน ออสเตรเลีย และเอธิโอเปีย ประเทศในยุโรปที่ผลิตข้าวฟ่างมาก ได้แก่ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต และสเปน ประเทศที่ผลิตส่วนใหญ่ผลิตเพื่อการบริโภคของคนและเป็นอาหารสัตว์ภายในประเทศ ไม่ได้ผลิตเพื่อส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ ประเทศที่ผลิตข้าวฟ่างหลังจากใช้ภายในประเทศแล้วยังมีเหลือส่งจำหน่ายรายใหญ่ของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริการองลงมา ได้แก่ ประเทศอาร์เจนตินา
สำหรับประเทศไทยนั้นสามารถปลูกข้าวฟ่างได้เกือบทุกภาคของประเทศ เว้นแต่ภาคใต้ซึ่งแทบจะไม่มีรายงานว่ามีการปลูกข้าวฟ่าง พบว่ามี การปลูกเล็กๆ น้อยๆ ในบริเวณบ้าน เพื่อใช้เป็นอาหารนกและอาหารไก่เท่านั้น จากสถิติเพาะปลูกปี ๒๕๓๐-๒๕๓๑ (เมษายน ๒๕๓๐-ธันวาคม ๒๕๓๑) ภาคกลางผลิตข้าวฟ่างได้มากที่สุด คือ ผลิตได้ประมาณ ๙๔,๒๓๑ ตัน จากพื้นที่เพาะปลูก ๕๓๒,๑๑๔ ไร่ รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ ผลิตได้ ๙๐,๑๖๗ ตัน แต่มีพื้นที่เพาะปลูกมากกว่าภาคกลาง คือ ๕๓๓,๗๕๒ ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ปลูกเพียง ๓๙,๔๓๘ ไร่ และผลิตได้เพียง ๗,๒๓๙ ตัน ผลิตผลเฉลี่ยของทั้งประเทศประมาณ ๑๙๒ กิโลกรัมต่อไร่ แหล่งปลูกข้าวฟ่างส่วนใหญ่เป็นบริเวณเดียวกับแหล่งปลูกข้าวโพด จังหวัดที่ผลิตข้าวฟ่างที่สำคัญ ได้แก่ ลพบุรี นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สระบุรี อุทัยธานี และนครราชสีมา ในบริเวณนี้เกษตรกรส่วนใหญ่จะปลูกข้าวฟ่างเป็นพืชที่สองในปลายฤดูฝนหลังเก็บเกี่ยวข้าวโพด ซึ่งปลูกเป็นพืชแรกตอนต้นฤดูฝนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปลูกกันมากพอสมควรทางแถบจังหวัดสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี
สันนิษฐานได้ว่า ข้าวฟ่างน่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปมนุษย์คงจะรู้จักข้าวฟ่างมาไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ ปี ในประเทศไทยมีแหล่งที่ปลูกข้าวฟ้างไหมครับ